คลื่นลูกถัดไปของพัฒนาการ AI ทำอย่างไรให้ก้าวหน้าต่อ

หากจำกระแสการเปิดตัวของ ChatGPT จาก OpenAI ได้ เป็นกระแสการตอบรับที่เรียกได้ว่ามาแรงมากที่สุดแห่งยุค ปฏิวัติเทคโนโลยีให้เกิดการพัฒนาที่ก้าวกระโดดของ Machine learning สร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ตามมาไม่หยุดหย่อน พัฒนาต่อมาจนถึงรถยนต์อัตโนมัติไร้คนขับ 

แต่หลังจากนั้น กราฟการพัฒนาก็เริ่มเป็นเส้นตรง ไม่พุ่งทะยานและสร้างแรงกระเพื่อมที่สั่นสะท้านให้กับโลกเทคโนโลยีเท่าเดิมอีกต่อไป ปรากฏการณ์นี้เกิดจากอะไร และสามารถแก้ไขได้หรือไม่

ปรากฏการณ์ที่ AI มีการพัฒนาไปอย่างคงที่นั้นเป็นไปตามกราฟแบบ S curve ที่เทคโนโลยีจะเริ่มพัฒนาทีละนิด จากนั้นค่อย ๆ เกิดการพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด ก่อนจะพัฒนาต่ออย่างเสถียรตามกาลเวลา และอาจหยุดนิ่ง ไม่นานก็จะมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ เกิดขึ้นและพัฒนาไปตามวัฏจักรดังกล่าวต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด เมื่อเทคโนโลยีเก่าเริ่มชะงัก ก็จะเกิดเทคโนโลยีใหม่ ๆ ขึ้นเสมอ เพราะมนุษย์มีศักยภาพในการประดิษฐ์คิดค้นสิ่งใหม่อยู่ตลอด

(S curve: Credit https://www.strategicgeospatial.com/p/innovation-curves)

Fastcompany จึงระบุว่าสาเหตุของการพัฒนาอย่างคงที่คือการขาดข้อมูลในการเทรน AI ที่ดี ดังนั้นสิ่งที่ AI ต้องการคือข้อมูลแนวหน้าใหม่ ๆ (next frontier of data) เพื่อกระโดดไปยังกราฟ S curve เส้นใหม่ ธุรกิจทั้งหลายจะพึ่งพา AI ที่ถูกเทรนจากข้อมูลในอินเตอร์เน็ตอย่างเดียวไม่ได้อีกต่อไป แต่ต้องป้อนข้อมูลภายในของบริษัทเพื่อเทรน AI ของบริษัทตนเอง นอกจากนี้ยังต้องพึ่งพาผู้เชี่ยวชาญในการเทรน AI จัดการข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อนำมาเทรน และมีมาตรการป้องกันข้อมูลที่แน่นหนา เพื่อทำให้พัฒนาการของเทคโนโลยี AI ก้าวเข้าสู่คลื่นลูกถัดไป

Reference Fastcompany

Article by Wannakorn Thongkaow