งานวิจัยของ Microsoft ได้จัดลิสต์อาชีพ 40 ตำแหน่งที่ “เสี่ยง” และ “ปลอดภัย” ที่สุดจากการเข้ามาของ AI โดยอ้างอิงจากข้อมูลใช้งานจริงกว่า 200,000 เคส โดยมีการสร้างดัชนี AI applicability score เพื่อวัดว่างานใด AI เข้าไปช่วยได้มากน้อยเพียงใด
โดยพิจารณาจากความครอบคลุม อัตราความสำเร็จ และขอบเขตผลกระทบงานนี้พบว่าอาชีพที่ใช้ความรู้ เช่น ล่าม/นักแปล นักประวัติศาสตร์ นักเขียน/นักประพันธ์ ฝ่ายขายและงานบริการลูกค้าตกอยู่ในกลุ่มเสี่ยง เพราะกิจกรรมหลักคือการให้ข้อมูลและการเขียนซึ่ง AI ทำได้ดี ในทางตรงข้าม งานที่ใช้ทักษะทางกายภาพยังปลอดภัย เช่น ผู้ช่วยพยาบาลและผู้ช่วยศัลยแพทย์ แม่บ้านและพนักงานทำความสะอาด คนงานก่อสร้างและช่างมุงหลังคา ช่างซ่อมกระจกรถยนต์ ไปจนถึงคนขับเรือหรือวิศวกรเดินเรือ
5 อาชีพที่ AI อาจเข้ามาแทนที่ได้มากที่สุด (เสี่ยง)
• ล่ามและนักแปล
• นักเขียน/นักข่าว
• พนักงานบริการลูกค้า
• ตัวแทนขาย
• นักพัฒนาเว็บไซต์
5 อาชีพที่ยังปลอดภัยในยุค AI (ปลอดภัย)
• พนักงานช่วยเหลือในโรงพยาบาล
• แม่บ้านและพนักงานทำความสะอาด
• นักนวดบำบัด
• ผู้ช่วยศัลยแพทย์
• ช่างซ่อมและเปลี่ยนยาง
สิ่งที่น่าสนใจคือ แม้ AI จะทำงานแทนได้หลายอย่าง แต่งานที่ต้องใช้แรงงานฝีมือ การสัมผัสมนุษย์ หรือดุลยพินิจเฉพาะบุคคล ยังยากที่เทคโนโลยีจะมาแทนได้ทั้งหมดในเร็ววัน AI อาจไม่แย่งงานคุณโดยตรง แต่คนที่ใช้ AI เป็น…อาจแซงคุณไปไกล — และนี่คือเวลาที่เราทุกคนต้อง “เรียนรู้ อยู่ร่วม และใช้ให้เป็น”
ในฐานะ Tech Recruitment Agency, Cathcart Technology เห็นว่า AI จะไม่เพียงทำให้ตำแหน่งงานหลายตำแหน่งหายไป แต่จะปรับรูปแบบงาน หลายอาชีพที่เสี่ยง เช่น อาชีพอย่างเซลส์คอลเซ็นเตอร์ หรือโปรแกรมเมอร์ระดับพื้นฐานอาจหายไป ในขณะที่บทบาทใหม่ เช่น AI Trainer, Prompt Engineer และผู้เชี่ยวชาญด้านจริยธรรม AI กำลังเป็นที่ต้องการ
จึงจำเป็นที่ผู้ทำงานสายความรู้จะต้องเรียนรู้ใช้ AI เป็นเครื่องมือเสริม เพิ่มทักษะในการออกแบบโซลูชันและจัดการข้อมูล ขณะที่อาชีพที่ต้องใช้แรงงานฝีมือหรือดูแลผู้คนยังมีความต้องการสูง ดังนั้นการ Upskills และ Reskills จะเป็นหัวใจสำคัญของตลาดแรงงานไทยในยุค AI
ที่มา
Techsauce
Cathcart Technology
Tel: 02-038-5878
Email: hello@cathcarttechnology.co.th
Associate Director
Piyatida Anthong
Thailand