โลกในปัจจุบันถือเป็นยุคที่มีความปั่นป่วนอย่างที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน เพราะเราต้องเผชิญกับวิกฤตในวิกฤต ไม่ว่าจะเป็น ภาวะโรคระบาด ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ การเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ และการเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยี ยังไม่นับรวมปัจจัยเรื่องการเข้าสู่สังคมสูงวัย ความเหลื่อมล้ำทางสังคมและช่องว่างทาง Generations ที่เกิดขึ้นในหลายประเทศรวมถึงประเทศไทย
ที่ผ่านมาเราคิดว่าโลกยุ่งยากซับซ้อนและไม่สามารถเข้าใจได้แล้ว ที่เราเรียกกันว่าเป็นยุค VUCA World แต่ตอนนี้สถานการณ์หลายๆอย่างกลับยิ่งซับซ้อน ผันผวนและคาดการณ์ยากยิ่งกว่า หมดยุค VUCA แล้ว แต่เรากำลังอยู่ในยุคที่เรียกกันว่า BANI มันคืออะไร? และทำไมเราต้องรู้เพื่อปรับตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะของผู้นำที่ต้องรับมือกับวิกฤตนี้ให้รอดไปได้ มาลองดูและคิดถามไปพร้อมกันจากสรุปในงาน THE STANDARD ECONOMIC FORUM โดย กระทิง- เรืองโรจน์ พูนผล ประธานกลุ่ม KASIKORN Business – Technology Group (KBTG) ได้ขึ้นบรรยายพิเศษในหัวข้อ ‘THE FUTURE OF LEADERSHIP ภาวะผู้นำแห่งโลกยุคปากเหว’
คุณกระทิงกล่าวว่า ปัญหาต่างๆ เหล่านี้ทำให้โลกมีความสลับซับซ้อนมากกว่าโลกแบบเดิมเป็นพันเท่า และทำให้เวลา 2 ปีในปัจจุบันเทียบเท่ากับ 10 ปีของโลกในอดีต ซึ่งความท้าทายที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ผู้นำองค์กรไปจนถึงผู้นำประเทศต้องเผชิญกับการตั้งคำถามถึงความจำเป็นในการมีอยู่ (Unprecedented Existential Crisis) เมื่อพวกเขาไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้
ความแตกต่างของผู้นำในโลกเก่ากับโลกใหม่คือ ในโลกเก่า ผู้นำมักจะชอบรู้ทุกเรื่อง บอกทุกสิ่งและก็ต้องเป็นคนที่ต้องนำทุกอย่าง แต่ภาวะผู้นำแบบนี้ใช้ไม่ได้กับโลกใหม่อีกแล้ว เพราะในโลกใหม่ ไม่มีอะไรที่เรารู้เมื่อทุกอย่างเต็มไปด้วยความสับสนและไม่แน่นอน ผู้นำในโลกยุคใหม่ต้องพร้อมเรียนรู้ในทุกๆเรื่อง เปิดใจและแบ่งปันความรู้กับคนอื่นๆ แสดงให้ทีมงานเห็น เป็นแรงบันดาลใจและสร้างความเปลี่ยนแปลงได้
คุณกระทิงบอกอีกว่า ตอนนี้เราอยู่ในโลก BANI World ซึ่งย่อมาจาก Brittle (เปราะบาง), Anxious (สร้างความกังวล), Nonlinear (คาดเดายาก) และ Incomprehensible (ยากที่จะทำความเข้าใจ) แต่ละส่วนนั้นหมายถึง
B – Brittle ความเปราะบางที่มีมากขึ้นในทุกมิติ
ข้อได้เปรียบของเมื่อวานอาจใช้ไม่ได้กับวันนี้ ในยุคที่มี Product Life Cycle สั้นลง ความต้องการผลิตภัณฑ์และบริการก็เปลี่ยนแปลงไป Global Talent เริ่มเครียด เริ่มรู้สึก Burnout เพราะเหตุการณ์ปัจจุบันมีความเปราะบางมาก
A – Anxious ความวิตกกังวลของผู้คนที่เริ่มไม่มั่นใจในสิ่งต่างๆ
ผู้คนวิตกกังวลและกระตือรือร้นว่าโลกจะเป็นอย่างไร อยากรู้อนาคต ลังเลที่จะตัดสินใจ การเกิดสงครามยูเครน – รัสเซียขึ้นทำให้รู้ว่าผู้คนกังวลกับสถานการณ์ต่างๆ พร้อมกันทั้งโลก เรื่อง Mental Health กลายเป็นประเด็นของคนรุ่นใหม่ ที่รู้สึกเครียดง่ายและสิ้นหวัง มีการประท้วงที่เกิดขึ้นได้ง่ายๆ และความไม่พอใจที่กระจายอยู่ทุกที่
N – Nonlinear โลกไม่เป็นเส้นตรงแบบที่เราเข้าใจ
โลกไม่เป็นเส้นตรงแบบที่เราคาดการณ์ได้อีกต่อไป ตรรกะความคิดกำลังถูกท้าทาย มีเหตุการณ์มากมายที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้น เช่น Supply Chain Shock, Covid19 และความผันผวนของ Cryptocurrency คำอธิบายต่างๆ เริ่มไร้เหตุผล ผู้คนจำเป็นต้องสร้างองค์ความรู้ใหม่ๆ เพื่อหาคำตอบและท้าทายความจริงเดิมที่ยึดถือมาอย่างยาวนาน
I – Incomprehensible ความไร้ตรรกะเพราะข้อมูลที่มีท่วมท้น
สาเหตุของหลายๆอย่างดูแปลกและไร้เหตุผลมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเรื่องของ WEB 3.0, Metaverse หรือ Cryptocurrency ที่ถือเป็นขาขึ้นมากๆ เมื่อปีที่ผ่านมา แต่แล้วก็กลับมาดิ่งลงหนักในปีนี้่อย่างไร้เหตุผล
ส่งผลให้ผู้นำในโลกยุคใหม่ต้องแตกต่างจากผู้นำในโลกแบบเดิม คือ
1.ต้องเปิดใจกว้าง ร่วมมือกัน สร้างสรรค์สิ่งใหม่และแบ่งปันแทนที่จะเถียงกันจนตกเหว
2.เลิกทำตัวรู้ทุกอย่าง (Know It All) แล้วเปลี่ยนเป็นเรียนรู้จากทุกสิ่ง (Learn It All)
3.เสียสละตัวเองมากขึ้น (Serve More) แทนที่ออกคำสั่งมากขึ้น (Lead More)
4.ต้องสร้างแรงบันดาลใจโดยทำตัวเองเป็นแบบอย่าง (Show and Inspire) ไม่ใช่แค่พูด (Tell)
โดยผู้นำในโลกยุคใหม่จะต้องมีภาวะผู้นำแบบ 2 ขั้ว คือ สร้างความสามัคคี (Unity) แต่ก็ต้องเปิดให้มีความหลากหลาย (Diversity) สร้างความหวังในกับคนได้โดยไม่ใช่ฝันลมๆ แล้งๆ ให้อิสระกับผู้คน โดยกำหนดกรอบความรับผิดชอบที่เหมาะสมและต้องต่อสู้เพื่อความถูกต้องโดยไม่รีบฟันธงว่าอะไรคือถูกผิด
“ก่อนที่เราจะเป็นผู้นำที่ดีได้ เราต้องเป็นมนุษย์ที่ดีให้ได้ก่อน”
เพราะในมุมมองของคุณกระทิง นี่คือใบอนุญาตแรกของการเป็นผู้นำ ส่วนอีกสิ่งที่ต้องมีตามมานั้นคือการมี Empathy หรือความเห็นอกเห็นใจเพื่อนร่วมงาน
สมการความน่าเชื่อถือของผู้นำในโลกยุคใหม่
คือความน่าเชื่อถือ + ความพึ่งพาได้ + ความใกล้ชิดกับทีมงาน ทั้งหมดนี้หารด้วย การมองประโยชน์ของตัวเองเป็นหลัก ยิ่งมองเพื่อส่วนรวมมากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งมีความเป็นผู้นำมากขึ้นเท่านั้น
สิ่งที่ผู้นำยุคใหม่ควรทำคืออะไร?
ในมุมมองคุณกระทิงคิดว่าผู้นำจะ Lead คนแบบเดิมๆ ไม่ได้แล้ว เพราะนอกจากจะไม่ได้ผล ทีมงานของคุณก็อาจไม่เชื่อถือ โดยสิ่งที่ผู้นำยุคใหม่ควรทำนั้นคือ
–เป็นเพื่อนกับ Crisis นอนเคียงข้างกับวิกฤต และรับมือให้เป็น
–มี Agility ปรับตัวในการทำงาน มองไปข้างหน้าและมี Visiom เสมอ
–Empower และ Enable พนักงาน เชื่อมั่น ไว้ใจในตัวทีมงานทุกคน
–Inspire ยิ่งสร้างแรงบันดาลใจให้คนมากเท่าไหร่ พวกเขาก็จะยิ่งสร้างความมหัศจรรย์ให้คุณมากเท่านั้น
–Expand Positive Impact สร้างสิ่งที่ไม่มีให้เกิดขึ้นจริง
–เปลี่ยนจากมุมมองของ Shareholders เป็น Stakeholders
Article by Thanisorn Boonchote