สิ่งสำคัญของคนเป็นผู้นำคือการมี “Empathy” คำนี้สำคัญมาก คือหัวหน้าไม่ใช่แค่ต้อง Lead ด้วยสมองอย่างเดียวอีกแล้ว เพราะถ้าหัวหน้าทำแบบนั้น พนักงานจะพากันทยอยลาออกจากกงาน ซึ่งไม่ได้เกิดแค่กระแสการลาออกครั้งยิ่งใหญ่ (The Great Resignation) อย่างเดียวเท่านั้น แต่จะเกิดการเปลี่ยนงานครั้งยิ่งใหญ่ (The Great Reshuffle) ตามมาด้วย ผู้คนจะรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องทนอยู่กับที่ใดที่หนึ่งนานๆ หากไม่ได้รู้สึกว่าเป็นพื้นที่ที่สามารถใช้ความคิดและมีอิสระในการเลือกได้ คนรุ่นใหม่ต้องการทางเลือกที่เป็นไปได้และสามารถเลือกเองได้
จากผลสำรวจระดับโลกจาก Gallup ถามผู้เข้าร่วมสำรวจซึ่งเป็นพนักงานประจำบริษัทว่า การเข้ามาทำงานออฟฟิศทุกวัน หรือ Work From Home ทุกวัน หรือทำงานแบบ Hybrid เข้าออฟฟิศสลับกับทำงานที่ไหนก็ได้ แบบไหนเวิร์คที่สุด ? ปรากฏว่าข้อมูลจาก Data บอกว่า ไม่มีวิธีทำงานแบบไหนที่เวิร์คและตอบโจทย์การทำงานของคนรุ่นใหม่เลย
จาก Data บอกเราว่าวิธีที่เวิร์คคือการสร้างสิ่งที่เรียกว่า The Small Seredipity Connection Team การซอยทีมให้เล็กที่สุดแบบที่สามารถพูดคุยสื่อสารกันได้ง่ายที่สุด connect กันได้ง่ายที่สุด และไม่ต้อง Fix วันว่าต้องเข้าออฟฟิศทุกวันอะไร แต่ปรึกษาและพูดคุยกันว่าทีมเราจะเข้าไปเจอหน้ากันวันไหนดี เพราะหากมีคนเข้าออฟฟิสไปแค่คนเดียว สุดท้ายก็ต้องไปเปิด Google Meet หรือ Microsoft Team กันอยู่ดี ขาดการเชื่อมต่อและ connect กันอยู่ดี บางทีอาจจะเข้าออฟฟิศสัปดาห์ละครั้งหรือสองครั้ง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับ Productivity แต่เป็นวิธีที่เวิร์คสำหรับพนักงาน และทำให้พนักงานอยากอยู่กับองค์กรไปได้นานๆ
สิ่งที่ทำให้เกิด Productivity
1.Internet From the Sky
คือรัฐบาลต้องจัดเตรียม Public Goods Free ให้กับประชาชน อินเทอร์เน็ตควรเป็นสิ่งที่ทุกคนเข้าถึงได้ อินเทอร์เน็ตควรเป็นของฟรีและสาธารณะ เหมือนกับไฟฟ้าและถนนหนทาง เพื่อสร้าง Connectivity ที่ทั่วถึงกัน รวมถึง Digital ID ที่ทุกคนต้องมีเหมือนการมีบัตรประชาชน
2.The New Way We Work
การให้พนักงานมีอิสระในการออกแบบการทำงานของตัวเองและสามารถเลือกทำงานที่เหมาะกับตัวเองและเกิดประโยชน์ต่อองค์กรได้มากที่สุด สร้างสิ่งที่เรียกว่า The Small Seredipity Connection team
3.Cloud Base Application
คือส่วนผสมของ 2 สิ่งคือ Decentralized on the rise และ Digitizing on the rise คืออำนาจแบบกระจายศูนย์ ไม่ว่าจะเป็นวงการไหน เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล ธนาคารและธุรกิจ รวมถึงการทำงานที่เป็นไปแบบ Paperless และ Subscription มากยิ่งขึ้น
4.Nano Contract (Cryptocurrency)
ยุคที่เราเข้าถึง World Class Technology ได้ง่ายยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์ โทรศัพท์ หรือคอมพิวเตอร์ ต่อไปในอนาคต ทุกคนอาจไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของสิ่งเหล่านี้ แต่ก็สามารถเข้าถึงอุปกรณ์ World Class ได้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน หรือบริษัทใหญ่หรือเล็ก การทำธุรกรรมใดๆก็สามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา เป็นลักษณะ Nano Contract