เทคโนโลยีเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญของการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนให้เกิดเทรนด์ใหม่ๆของเทคโนโลยีอยู่เสมอ ดังนั้นธุรกิจจำเป็นต้องปรับตัวให้ทัน เพื่อจะสามารถแข่งขันและเติบโตทางธุรกิจได้อย่างยั่งยืน
Gartner บริษัทวิจัยด้านเทคโนโลยีชั้นนำของโลก ได้อัพเดต 10 เทรนด์ใหม่ของเทคโนโลยีเชิงกลยุทธ์ในปี 2024 ซึ่งจะส่งผลต่อธุรกิจและเทคโนโลยีในอีกสามปีข้างหน้า โดยเทรนด์เหล่านี้ครอบคลุมหลากหลายสาขา ตั้งแต่ AI ไปจนถึง Sustainabilty
10 เทรนด์เทคโนโลยีเชิงกลยุทธ์ที่น่าสนใจในปี 2024:
1. AI Trust, Risk and Security Management (AI TRiSM): เป็นสาขาใหม่ที่กำลังเติบโตและมุ่งเน้นไปที่ความน่าเชื่อถือ ความเสี่ยงและความปลอดภัยของระบบ AI ดังนั้น AI TRiSM จึงกลายเป็นเทรนด์เทคโนโลยีที่มีความสำคัญอย่างมากในอนาคต เนื่องจากในปัจจุบันระบบ AI ถูกนำมาใช้กับแอปพลิเคชันที่สำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ เช่น การดูแลสุขภาพ การเงิน รวมไปถึงการขนส่งสินค้า หากไม่มีนวัตกรรม AI TRiSM ที่เหมาะสมต่อระบบภายในองค์กรและธุรกิจ ระบบเหล่านี้อาจมีความเสี่ยงต่อการถูกโจมตี ซึ่งจะส่งผลร้ายแรงต่อองค์กร
ตัวอย่าง: องค์กรด้านการเงินใช้ AI TRiSM เพื่อตรวจสอบและลดความเสี่ยงของการฉ้อโกงทางการเงิน
2. Continuous Threat Exposure Management (CTEM): คือกระบวนการที่ช่วยให้องค์กรสามารถระบุภัยคุกคามและลดความเสี่ยงทางไซเบอร์ เนื่องจากภัยคุกคามทางไซเบอร์มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น CTEM จึงมีความสำคัญเพื่อทำให้องค์กรสามารถรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์และสามารถปกป้องข้อมูลและระบบขององค์กรได้
ตัวอย่าง: องค์กรใช้ CTEM เพื่อตรวจจับและบล็อกการโจมตีทางไซเบอร์แบบเรียลไทม์
3. Sustainable Technology: คือเทคโนโลยีที่ถูกออกแบบมาเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่มนุษย์ได้สร้างขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นต้นตอของปัญหาทางสิ่งแวดล้อมหลายๆอย่าง เช่น การขุด cryptocurrency และ อุปกรณ์ IoT ทีใช้พลังงานแบตเตอรี่ เป็นต้น ด้วยเหตุนี้ เทรนด์เทคโนโลยีที่ยั่งยืนจึงมีความสำคัญอย่างมากในการช่วยรับมือและรักษาสิ่งแวดล้อมของโลกต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่อาจเป็นอันตราย
ตัวอย่าง: องค์กรใช้เทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียน เช่น โซลาร์เซลล์ และพลังงานลม
4. Platform Engineering: เป็นสาขาที่มุ่งเน้นในการออกแบบ การสร้าง และการดำเนินงานผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล แพลตฟอร์มดิจิทัลนี้เป็นองค์ประกอบสำคัญของหลายๆธุรกิจในปัจจุบัน ดังนั้นองค์กรจำเป็นต้องสร้างและดำเนินงานแพลตฟอร์มเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตัวอย่าง: องค์กรใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อให้บริการแก่ลูกค้า
5. AI-Augmented Development: คือการใช้ AI เพื่อช่วยนักพัฒนาสร้างซอฟต์แวร์ให้มีคุณภาพและทำให้งานพัฒนาซอฟต์แวร์หลายอย่างมีความอัตโนมัติ เช่น การสร้างโค้ด การทดสอบ และการตรวจสอบ ยิ่งไปกว่านั้น AI ยังช่วยองค์กรลดเวลาและลดต้นทุนในการพัฒนาซอฟต์แวร์
ตัวอย่าง: องค์กรใช้ AI ในการทดสอบซอฟต์แวร์อัตโนมัติ
6. Industry Cloud Platforms: คือแพลตฟอร์มคลาวด์คอมพิวเตอร์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยธุรกิจภาคอุตสาหกรรมโดยเฉพาะ โดยองค์กรสามารถใช้ประโยชน์จากข้อดีของคลาวด์คอมพิวเตอร์ เช่น ความสามารถในการปรับขนาดและความยืดหยุ่นที่เหมาะสมกับความต้องการเฉพาะของแต่ละอุตสาหกรรม
ตัวอย่าง: องค์กรด้านการผลิตใช้ Industry Cloud Platforms เพื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์ภายในโรงงาน
7. Intelligent Applications: เป็นการพัฒนาแอปพลิเคชั่นโดยใช้เทคโนโลยี AI ในการสร้างความแตกต่างและมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้งาน ซึ่งตอบโจทย์ลูกค้าและผู้ใช้งานในยุคดิจิทัลเป็นอย่างมาก เทรนด์ AI นี้ มักจะถูกนำมาใช้ในการปรับปรุงแอปพลิเคชั่นที่หลากหลายประเภท
ตัวอย่าง: แอปพลิเคชั่นสำหรับการประชาสัมพันธ์กับลูกค้า แอปพลิเคชันสำหรับการตลาด หรือแอปพลิเคชันสำหรับการวิเคราะห์ข้อมูล เป็นต้น
8. Democratized Generative AI: คือการใช้ AI เพื่อสร้างคอนเทนต์ที่สร้างสรรค์และเป็นกระเเสนิยมอย่างคอนเทนต์ในรูปแบบ วิดีโอ รูปภาพ เพลง และข้อความ เทรนด์ AI นี้จะกลายเป็นสิ่งสำคัญในการช่วยให้ธุรกิจเกิดไอเดียใหม่ๆ เพื่อสามารถสร้างผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆท อีกทั้งยังช่วยลดอุปสรรคในการเข้าถึง AI สำหรับธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางที่ไม่ได้มีงบประมาณในการจัดสรรหาทรัพยากร AI ในรูปแบบนี้มาใช้ในธุรกิจ
ตัวอย่าง: องค์กรใช้ Democratized Generative AI สำหรับสร้างคอนเทนต์ทางการตลาด เพื่อช่วยเพิ่มยอด engagement ทางการตลาด
9. Augmented Connected Workforce: คืออุปกรณ์เสริมทางเทคโนโลยีที่จะช่วยยกระดับการทำงานของพนักงานให้มีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากขึ้น อุปกรณ์เหล่านี้อาจรวมถึงแว่นตาอัจฉริยะ หูฟังอัจฉริยะ หรืออุปกรณ์อื่นๆ ที่ช่วยให้พนักงานสามารถเข้าถึงข้อมูลและคำแนะนำได้ทันที
ตัวอย่าง: พนักงานใช้หูฟังอัจฉริยะเพื่อสื่อสารกับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยไม่รบกวนผู้อื่นในบริเวณใกล้เคียง
10. Machine Customers: คือการนำ AI เข้ามาช่วยเปลี่ยนรูปแบบของการให้บริการทางธุรกิจและความสัมพันธ์ระหว่างธุรกิจกับลูกค้า เช่น การที่ลูกค้าใช้ AI ในการโต้ตอบกับร้านค้าผ่านแชทบอท
ตัวอย่าง: ลูกค้าใช้แชทบอทเพื่อสั่งซื้อสินค้า ถามคำถามเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ หรือขอความช่วยเหลือเกี่ยวกับบริการ ก่อนตัดสินใจสั่งซื้อสินค้าหรือบริการนั้นๆ
โดยสรุปแล้ว เทรนด์เทคโนโลยีเหล่านี้มีศักยภาพที่จะช่วยเปลี่ยนรูปแบบของธุรกิจและสังคมให้ต่างไปจากเดิม ดังนั้นองค์กรธุรกิจควรเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อเข้าสู่ยุคที่ถูกขับเคลื่อนด้วย AI และเทรนด์เทคโนโลยีเหล่านี้ ซึ่งการที่องค์กรสามารถนำเทรนด์เหล่านี้ไปปรับใช้กับองค์กรของตน ยิ่งจะช่วยเสริมสร้างความยืดหยุ่นและความเท่าทันในโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้ได้
อ้างอิง >>https://www.gartner.com/en/articles/gartner-top-10-strategic-technology-trends-for-2024
Article by Benchawan Chantima