พลิกเกม AI ด้วยงบประมาณน้อยแต่ทรงพลัง สั่นสะเทือนวงการเทคโนโลยี
Published: 28.01.25
เมื่อพูดถึง AI เรามักนึกถึง OpenAI, Google หรือ Microsoft แต่ DeepSeek สตาร์ทอัพจากจีนกำลังเขย่าตลาดด้วยโมเดล DeepSeek-R1 ที่แสดงให้เห็นว่าการลงทุนมหาศาลอาจไม่ใช่คำตอบเดียวสำหรับความก้าวหน้าด้าน AI
.
DeepSeek-R1 คือโมเดล AI ที่เปิดตัวเมื่อเดือนมกราคม 2025 โดยมาพร้อมประสิทธิภาพที่เหนือกว่า OpenAI o1 ในการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์และการให้เหตุผล แต่ใช้ต้นทุนต่ำกว่าอย่างมหาศาล ด้วยเงินลงทุนเพียง 5.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในขณะที่ OpenAI ใช้เงินนับพันล้าน
.
สิ่งที่ทำให้ DeepSeek แตกต่างคือการเลือกเป็นโอเพ่นซอร์ส เปิดโอกาสให้นักพัฒนาทั่วโลกเข้าถึงและพัฒนาต่อได้ จุดนี้ช่วยลดต้นทุนและกระตุ้นให้เกิดนวัตกรรมที่ไม่จำกัดแค่ภายในบริษัทของตัวเอง
.
นอกจากนี้ DeepSeek ยังพัฒนาด้วยเทคนิค Mixture of Experts (MoE) ที่เลือกใช้พลังประมวลผลเฉพาะในส่วนที่จำเป็น ช่วยลดการใช้ทรัพยากรได้ถึง 90% เมื่อเทียบกับโมเดลคู่แข่ง เช่น Llama 3.1 ของ Meta และ DeepSeek ยังโดดเด่นเรื่องราคาใช้งาน API ที่เริ่มต้นเพียง 1-2 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งต่ำกว่าเมื่อเทียบกับ OpenAI ที่มีราคาเริ่มต้นถึง 15-60 ดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้เหมาะกับธุรกิจขนาดเล็กและกลางที่ต้องการเทคโนโลยี AI แต่มีงบประมาณจำกัด
.
ความสำเร็จที่สั่นสะเทือน Silicon Valley
ในขณะที่สหรัฐฯ ใช้มาตรการควบคุมการส่งออกชิปประมวลผลให้จีน DeepSeek กลับแสดงให้เห็นว่าทรัพยากรจำกัดไม่ใช่อุปสรรค หากรู้จักใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โมเดลนี้ไม่เพียงสะท้อนถึงศักยภาพของจีนในวงการ AI แต่ยังเป็นการส่งสัญญาณให้วงการ AI โลกต้องจับตา
.
DeepSeek ไม่ได้เป็นเพียงเทคโนโลยี แต่เป็นบทเรียนสำคัญที่แสดงให้เห็นว่า “น้อยแต่มาก” หากใช้อย่างถูกวิธี
.
Cathcart Technology มองว่า การแข่งขันครั้งนี้ไม่ใช่แค่เรื่อง AI แต่คือการผลักดันนวัตกรรมที่เข้าถึงได้และเกิดขึ้นจากความคิดสร้างสรรค์ของมนุษยชาติ
ในยุคที่การเข้าถึงเทคโนโลยีเป็นกุญแจสำคัญ DeepSeek แสดงให้เห็นว่า AI ไม่จำเป็นต้องแพงเสมอไป และบางทีโลกเราอาจกำลังเข้าสู่ยุคใหม่ที่ AI จะเป็นเทคโนโลยีสำหรับทุกคน
ข้อมูลจาก: ทำไม DeepSeek-R1 ถึงสะเทือนทั้ง Silicon Valley รู้จัก AI จีนที่โหดกว่า OpenAI-o1
และ DeepSeek จากจีน ตัวพลิกเกม AI สู้อเมริกา /โดย ลงทุนแมน
Office/ Social Media Admin
Palatha Noojeen
Thailand